วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เคล็ดลับ การเลือกใช้น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับเสื้อผ้า

วิธีซักผ้าขาวในอากาศชื้นๆแบบนี้ หลายๆคนคงเจอปัญหาเสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้นนะครับ จะมาแนะวิธีซักผ้าให้หอมแบบง่ายๆ คราวที่แล้วแอดก็นำทริกการป้องกันกลิ่นอับชื้นบนเสื้อผ้ามาแล้วในลิงค์นี้นะครับ ^^
แต่วันนี้แอดจะมาบอกเคล็ดลับ #การเลือกใช้น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับเสื้อผ้า ที่เหมาะสมนะครับ เพราะปกติแล้วน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบนเสื้อผ้า ขจัดคราบเหลือง คอเสื้อ รวมไปถึงรองเท้าผ้าใบ คราบสกปรกที่สามารถระงับการเกิดกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นได้ เมื่อเกิดการหมักหมม ^^
liquid-pack
ซึ่งน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ดีและเหมาะสมสำหรับการลดกลิ่นอับของเสื้อผ้า การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้านั้น ควรที่จะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ไม่ก่อให้เกิดระคายผิว
และสิ่งที่สำคัญ คือ เค้าจะต้องเกาะบนผ้าได้ดี ซึ่งในทางเคมีจะเรียกว่ามีสัมพรรคภาพ (Affinity) กับวัสดุสิ่งทอได้ดีด้วย ถ้าไม่งั้นถึงมันฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ไม่สามารถเกาะบนผ้าได้เนี่ย เค้าก็ไม่สามารถที่จะติดตามเสื้อผ้าไปฆ่าเชื้อโรคที่เกิดขึ้นขณะตากแบบไม่มีแดดได้ สุดท้ายกลิ่นอับก็ยังคงเกิดขึ้นได้ครับ ^^
ในคราวที่แล้วแอดได้แนะนำ "เดตตอล" น้ำยาฆ่าเชื้อโรคใส่ลงไปในน้ำสุดท้ายก่อนตากนะครับถึงจะไม่เป็นวิธีการอนุรักษ์น้ำก็ตาม
ซึ่งเดตตอลนี้มีสารออกฤทธิ์คือ คลอโรไซลีนอล (Chloroxylenol) ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในวงกว้างได้ดี ทำให้สามารถลดการเกิดกลิ่นอับของเสื้อผ้าได้ แต่ด้วยความว่าสารประกอบกลุ่มนี้ค่อนข้างมีกลิ่นฉุนเฉียว ทางผู้ผลิตจึงได้มีการใส่น้ำมันหอมระเหยจากต้นสน (pine oil) เพื่อที่จะกลบกลิ่น และมีการเติมสารพวก Solubilizers ลงไปเพื่อทำให้ Chloroxylenol และ pine oil นั้นละลายในน้ำได้
ซึ่งจริงๆแล้วแอดก็ไม่ค่อยชอบกลิ่นของเดตตอลสักเท่าไร ดังนั้นแอดก็จะมาแนะนำสารฆ่าเชื้ออีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแทบจะไม่มีกลิ่น และสามารถเกาะบนวัสดุสิ่งทอได้ดี โดยที่ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
นั่นก็คือ น้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิด "เบนซาลโคเนียมคลอไรด์" (Benzalkonium chloride) นั่นเอง
กลุ่มนี้เป็น Quaternary ammonium compounds ที่สามารถฆ่าเชื้อในวงกว้าง และมีประจุบวกที่แรงมาก จึงสามารถเกาะกับวัสดุสิ่งทอได้ดี ซึ่งวัสดุสิ่งทอทุกชนิดในโลกนี้ต่างก็มีศักย์พื้นผิว (Surface potential) ในสารละลายที่มี pH เป็นกลางและด่างเป็นประจุลบทั้งหมด จึงทำให้สารนี้สามารถเกาะได้ด้วย ส่งผลทำให้ผ้าที่มีสารนี้เกาะอยู่นั้นแทบไม่มีกลิ่นอับเลย
และเนื่องด้วยตัวมันไม่มีกลิ่นจึงสามารถที่จะทำให้เราได้รับรู้กลิ่นหอมๆจากน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มได้เต็มที่โดยที่ไม่มีกลิ่นของสารเคมีรบกวน และค่อนข้างมีความระคายเคืองต่ำมากครับ ^^
แต่ด้วยว่าสารกลุ่มนี้นั้นมีประจุบวกที่แรง จึงไม่สามารถที่จะใส่ลงไปร่วมกับน้ำยาซักผ้าที่มีประจุลบได้ มิฉะนั้นจะเกิดการตีกัน (antagonistic effects) ได้
แต่สามารถที่จะใช้ผสมกับน้ำยาปรับผ้านุ่มซึ่งมันก็จะส่งผลเสริมกัน (synergistic effects) ครับ หรือใส่ตัวมันเองลงไปอย่างเดียวก็ได้ และให้ผลดีไม่แพ้กัน แต่ควรจะเจือจางน้ำก่อนซักประมาณ 8-10 เท่าตัวครับ ^^
โดยทั่วไปสารกลุ่มนี้จะขายความเข้มข้นสูงสุดที่ 80% ต่อน้ำหนัก แต่ก็มีน้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำยาถูพื้นหลายชนิดที่มีส่วนผสมของสารตัวนี้ประมาณ 10% ต่อน้ำหนัก ซึ่งก็สามารถใช้งานได้ดีแล้ว ซึ่งถ้าซักผ้าสิบกิโลกรัมแล้วจะใช้เพียง 10-40 ml ก็ประมาณ 1/3 - 4/3 ฝาครับ ^^
# www.facebook.com/textile.phys.and.chem

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เปรียบเทียบน้ำยาซักผ้าในท้องตลาด ที่ใช้แล้วดีจริง


ภาพจาก paowinwash
1. เปาวินวอช 


          น้ำยาซักผ้า เปา วินวอช สูตร Stain Fighter Triple Active ช่วยขจัดคราบหนัก คราบสกปรก ขจัดคราบเหลือง คอเสื้อ การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าทั่วไปและ วิธีซักผ้าขาวแบบง่ายๆ คราบเหนียวหนึบ ซักได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสี ช่วยลดกลิ่นอับได้แม้ตากในร่ม แบบถุงขนาด 3,000 กรัม ราคา 210 บาทขนาด 2,000 กรัม ราคา 119 บาท และขนาด 900 กรัม ราคา 59 บาท

2. เปาซิลเวอร์ นาโน
ภาพจาก paosilvernano

          ผงซักฟอกเปาซิลเวอร์ นาโน สูตรเข้มข้น ช่วยลดกลิ่นอับด้วยซิลเวอร์ นาโน ช่วยฆ่าเชื้อ มีให้เลือกทั้งแบบซักเครื่องฝาหน้าและซักมือ วิธีซักผ้าให้หอมแบบง่ายสุด ตากผ้าหน้าฝนก็หายห่วง แบบถุงขนาด 2,700 กรัม ราคา 223 บาท ขนาด 1,800 กรัม ราคา 168 บาท และขนาด 900 กรัม ราคา 75 บาท


3. เปา เอ็ม.วอช 




                                                   ภาพจากpaomwash

         น้ำยาซักผ้า เปาเอ็มวอชลิควิด และผงซักฟอกเปา เอ็ม.วอช เพิ่มพลังในการขจัด สลายคราบฝังลึกซักผ้าด้วยเครื่องให้สะอาด และไม่ย้อนกลับติดเสื้อผ้าอีก ล้างออกง่าย ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า ซักได้ทั้งเครื่องฝาบนและเครื่องฝาหน้า แบบถุงขนาด 3,000 กรัม ราคา 173 บาท และขนาด 1,000 กรัม ราคา 55 บาท ติดตามเคล็ดลับ วิธีการอนุรักษ์น้ำ ได้ที่นี้ http://bit.ly/29UaEFg
 ผงซักฟอกกำจัดคราบล้ำลึก
ภาพจาก kao 

4. แอทแทค ทรีดี คลีน แอ็คชั่น 
          ผงซักฟอก แอทแทค ทรีดี คลีน แอ็คชั่น ใช้ได้ทั้งซักมือและเครื่องซักผ้า มีเทคโนโลยี ทรีดี คลีน แอ็คชั่น ช่วยกำจัดคราบหนักได้ดี พร้อมเทคโนโลยีแบคทีเรีย คอนโทรลเลอร์ ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในระหว่างวันเพื่อลดกลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้า แบบถุงขนาด 2,700 กรัม ราคา 215 บาท ขนาด 1,900 กรัม ราคา 166 บาท และขนาด 900 กรัม ราคา 87 บาท

 ผงซักฟอกกำจัดคราบล้ำลึก
ภาพจาก essence 

5. เอสเซ้นซ์ พาวเดอร์ ดีเทอร์เจนท์ สีชมพู
          ผงซักฟอก เอสเซ้นซ์ พาวเดอร์ ดีเทอร์เจนท์ สูตรละลายน้ำง่าย ที่เน้นให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมไปพร้อม ๆ กับการกำจัดคราบสิ่งสกปรกด้วยอนุภาพสาร CMC ที่ช่วยป้องกันสิ่งสกปรกย้อนกลับสู่เนื้อผ้าได้อีก ไม่ทำให้ผ้าหมอง แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมดอกไม้ที่ช่วยขจัดกลิ่นอับอีกด้วย ซักได้ทั้งมือและเครื่องซักผ้า แบบถุงขนาด 1,900 กรัม ราคา 139 บาท และขนาด 1,200 กรัม ราคา 87 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะมีผงซักฟอกยี่ห้อไหนสูตรใดที่ตรงใจคุณบ้างไหม เอาเป็นว่าถ้ากำลังมองผงซักฟอกที่ช่วยขจัดคราบและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณากันก่อนซื้อผงซักฟอกนะคะ 


ซักผ้าด้วยเครื่องให้สะอาด ชุดชั้นในสะอาดไร้กลิ่นอับ



          เริ่มต้นการ
ซักผ้าด้วยเครื่องให้สะอาดด้วยการแยกชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก ซักด้วยน้ำยาซักผ้า เปาเอ็มวอชลิควิด หรือผงซักฟอกละลายในน้ำธรรมดา ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า ไม่ควรใช้สารฟอกขาว อาทิ ไฮเตอร์ อาจแรงไปสำหรับชุดชั้นใน ห้ามใช้โดยเด็ดขาด ซักแต่เบามืออย่าใช้แรงขยำขยี้ ใช้แปรงขนนุ่ม ๆ ถูเบาๆ บริเวณที่มีคราบสกปรก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถึงจะไม่เป็นวิธีการอนุรักษ์น้ำ แต่ก็เพื่อสุขอนามัยของเรานะคะ เน้นสะอาดไว้ก่อนดีกว่า

           จากนั้น นำชุดชั้นในไปตากในที่ร่ม มีลมโกรก อย่าตากชุดชั้นในให้โดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อผ้าและสีเสื่อมสภาพเร็ว เนื่องจากบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงจะมีความชื้นอยู่ ยิ่งในช่วงหน้าร้อน อากาศชื้นมาก เหงื่อออกทำให้เกิดการหมักหมม สร้างปัญหาให้กับบริเวณจุดซ่อนเร้นได้ โดยอาการที่พบบ่อย คือเชื้อราบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จะมีอาการตกขาวแสบร้อน คัน ทำให้ระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และทำให้ติดเชื้อในที่สุด...แต่ถ้าใส่ใจเรื่องชุดชั้นในซักนิดก็หมดปัญหาเรื่องดังกล่าว...

          นอกจากนี้ ควรเลือกใส่ผ้าคอตตอนจะช่วยระบายอากาศได้ดี หมั่นทำความสะอาดในจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำสะอาด และสบู่อย่างอ่อน หรือใช้สบู่เหลวอนามัย จะช่วยบรรเทาเรื่องกลิ่นได้ หลังจากอาบน้ำแล้วให้ซับเบา ๆ ด้วยผ้าเช็ดตัวที่นุ่ม แห้งและสะอาด เพราะถ้าถูกรุนแรงจะทำให้ผิวหนังบริเวณนี้ถลอกและติดเชื้อได้ง่าย 

          การใช้ชุดชั้นในที่เป็นผ้าฝ้ายที่มีเนื้อผ้าบางเบา จะช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก เป็นการลดความอับชื้น ในขณะที่ผ้าไนลอนจะอับลม ทำให้อับชื้นและติดเชื้อราง่ายขึ้น อีกทั้งอย่าใส่เสื้อผ้ารัดรูปมาก ๆ เพราะจะทำให้อึดอัด อากาศระบายได้ไม่ดี กลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้ และเวลานอนไม่ควรใส่กางเกงใน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้องน้อยได้ผึ่งลม ป้องกันการอับชื้น และกลิ่นที่ไม่สะอาด

          หากคุณสาว ๆ คนใดใส่สเตย์ เพื่อรักษารูปร่างตลอดเวลา แล้วกลัวความไม่สะอาด เลยใช้น้ำยาอนามัยสวนล้างเข้าไปภายใน จะยิ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียชนิดดีที่มีอยู่ในช่องคลอดโดนทำลาย และทำให้เชื้อโรคภายในช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูกได้ง่าย และอาจติดเชื้อลุกลาม จนทำให้ปีกมดลูกอักเสบได้ในที่สุด

          ส่วนการประแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นนั้น หลายคนเข้าใจว่าการประแป้งฝุ่นจะช่วยลดการอับชื้น แต่ความจริงแล้วไม่เลย เพราะเหงื่อที่ออกมาเมื่อปนกับแป้งแล้วจะจับตัวเป็นกระจุกแถวขนอ่อนทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น อีกทั้งแป้งที่ทาอาจถูกดูดเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วเข้าไปสู่ท่อนำไข่และหล่นไปอยู่ในรังไข่ทำให้โอกาสเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

          ยังไง ๆ ก็อย่ามองข้ามเรื่องใกล้ตัวของเราไปนะคะ หันมาใส่ใจตัวเองให้มากกว่าเดิมจะดีกว่าค่ะ

เปาเอ็มวอชลิควิด,ซักผ้าด้วยเครื่องให้สะอาด,ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า,วิธีการอนุรักษ์น้ำ,น้ำยาซักผ้า

เด็กหอ พนักงานออฟฟิส ซักผ้าด้วยเครื่องให้หอมนาน หน้าฝนก็หายห่วง

เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ

เมื่อถึงเวลาที่ต้องซักผ้าสกปรกกองโต หลังจากหยุดยาวปีใหม่มานาน หลายคนยังมีคำถามค้างคาใจอยู่เกี่ยวกับการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างไร ให้หอมนาน อันที่จริงแล้วการซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นการขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าการใช้น้ำยาซักผ้าขาวให้หอมทุกอย่างล้วนมีเคล็ดไม่ลับในคู่มือแม่บ้านมือใหม่ที่ผู้หญิงหรือผู้ชายหลายคนจะต้องรู้จักและรับทราบเพื่อให้ชีวิตคุณง่ายและราบรื่น ไม่ต้องพึ่งร้านซักรีดเสมอไป


การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า
น้ำยาซักผ้าขาว วิธีซักผ้าให้หอมสำคัญมากสำหรับงานนี้ ป้ายทิ้งไว้บนคราบสกปรกก่อนเลย จากนั้นนำผ้าไปใส่เครื่องซักผ้า จากนั้นใส่น้ำยาซักผ้าลงไปสองผ้ากะตามปริมาณผ้าในเครื่องไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ สองฝาเราว่ากำลังดี เวลาหยอดเหรียญเสร็จมันมีเวลาทั้งหมดขึ้นว่าใช้เวลาซักเท่าไหร่แล้วก็มาหักลบโดยกะว่าเวลาในการใส่ปรับผ้านุ่มมันจะอยู่ที่ 20 งงมั้ยอะ ไม่งงเนอะ (สมมติว่าเครื่องซักทั้งหมด 40 นาที นาทีที่ 20 +- นิดหน่อยคือช่วงที่เราต้องใส่ปรับผ้านุ่มครับ)ที่สำคัญน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบเข้มข้นฝาเดียว จะหอมกว่าแบบธรรมดาครับ



ไม่ต้องจ้างซักผ้า ผ้าก็หอมนาน ติดทนนานแม้ตากผ้าหน้าฝน สไตล์พนักงานออฟฟิสหรือเด็กหอ

เราจะซักผ้ายังไงให้หอม? วิธีซักผ้าให้หอม แบบพนักงานออฟฟิสหรือเด็กหอ คงเป็นอีกคำถามคาใจใครหลายๆ คนว่าเค้าทำกันยังไง? วันนี้เรามีวิธีซักผ้าให้หอมมาให้คุณได้เอาไปใช้กัน ... เคล็ดลับการซักผ้า ซักผ้า อย่างไร ให้ผ้าสะอาด หอมนาน ลองอ่าน 20 เคล็ดลับการซักผ้า วิธีซักผ้า เปลี่ยนเรื่องยากเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ คลิก.เคล็ดลับ: วิธีซักผ้าให้หอมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก! เพียงแค่ซักเสื้อผ้าของคุณด้วยผงซักฟอกคุณภาพดีที่ช่วยให้ผ้าหอมสะอาดสดชื่นได้ยาวนานอย่างยาวนาน


วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ยาสีฟันสมุนไพรธรรมชาติ สุขภาพช่องปากที่เราเลือกเองได้

ยาสีฟันสมุนไพรธรรมชาติ สุขภาพช่องปากที่เราเลือกเองได้ 


          รอยยิ้มพิมพ์ใจมักจะมาควบคู่กับฟันขาวสะอาดเสมอ ความสะอาดในช่องปาก เหงือกและฟันจึงมีความจำเป็นยิ่ง นอกจากนี้ เหงือกและฟันยังเป็นอวัยวะช่วยในการย่อยอาหารที่สำคัญ  เมื่อเกิดปัญหากลิ่นปาก เหงือกอักเสบในช่องปากย่อมกระทบกับการทำงานในระบบที่เกี่ยวเนื่องกันได้
          เมื่อย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของการใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันพบว่ามีมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศจีน โดยใช้ขนหมูมัดติดกับไม้ไผ่ใช้แปรงฟัน ส่วนในอินเดียจะใช้กิ่งข่อยแปรง เช่นเดียวกับประเทศไทยใช้กิ่งข่อยและกิ่งสีฟันคนทาแปรงฟัน
    
          ยาสีฟันเก่าแก่และโบราณที่สุดในโลก ได้แก่ เกลือ คนโบราณจึงใช้เกลืออมบ้วนปากและแปรงฟัน ต่อมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดช่องปากเจริญรุดหน้า เราจึงได้เห็นแปรงสีฟันในรูปแบบต่าง ๆ เช่นที่พบในปัจจุบัน ส่วนยาสีฟันก็ไม่แตกต่าง มีการค้นพบสารซักฟอกที่ใช้ในการทำความสะอาด ยาสีฟันในปัจจุบันจึงมีทั้งฟอง รสชาติต่าง ๆ กลิ่นที่แตกต่างกันไป
    
          ยาสีฟันในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญต่อการทำความสะอาดฟัน เพราะสารขัดถูและสารทำความสะอาด ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักที่จะช่วยขจัดคราบฟันได้ดี และทำให้ฟันขาวสะอาด และยังมีสารตัวอื่น ๆ เพิ่มลงไปเพื่อช่วยเสริมในการดูแลปากและฟัน เช่น ฟลูออไรด์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผิวฟัน สารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก เป็นต้น
    
          ทำไมเราต้องใส่ใจว่ายาสีฟันนั้นเป็นแบบธรรมชาติหรือไม่ เพราะส่วนผสมของยาสีฟันทั่วไปนั้นจะมีสารซักฟอกเป็นส่วนประกอบ ซึ่งในระยะยาวแล้วสารเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แตกต่างจากการใช้ยาสีฟันธรรมชาติที่จะไม่มีสารซักฟอกทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย และยังสามารถเพิ่มสรรพคุณโดยการเลือกใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายมาเป็นส่วนประกอบของยาสีฟัน ซึ่งเราสามารถเลือกเองได้
    


ยาสีฟัน


ส่วนประกอบหลักของยาสีฟันทั่วไปและธรรมชาติโดยทั่วไป จะประกอบด้วย

           สารขัดถู ทำหน้าที่ขัดถูผิวฟัน ขจัดเศษอาหาร คราบที่ติดอยู่บนผิวฟัน ในยาสีฟันทั่วไปใช้แคลเซียมคาร์บอเนตเป็นตัวการขัดถู ส่วนยาสีฟันธรรมชาติ ก็จะใช้แคลเซียมคาร์บอเนต และเกลือแกง ผงฟูหรือโซเดียมคาร์บอเนต 

           สารทำความสะอาด ทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟัน สารที่ใช้เป็นสารลดแรงตึงผิว เช่น สบู่ หรือสารซักฟอก ใช้แปรงฟันแล้วเกิดฟอง สารนี้จะไม่เป็นพิษ ไม่ระคายเคืองต่อเยื่อบุในช่องปาก ยาสีฟันทั่วไปใช้สารซักฟอก ตัวที่นิยมคือสาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate ) ใช้ได้ไม่เกิน 2% แต่สำหรับในยาสีฟันธรรมชาตินี้จะใช้ผงสบู่ ไม่เกิน 1-2% หรือเกลือแกง ก็สามารถช่วยทำความสะอาดได้เช่นกัน

           สารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำหน้าที่ช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ในยาสีฟันทั่วไป มักจะใช้สารไตรโคลซาน(Triclosan) ที่เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในสบู่ยา ส่วนในยาสีฟันธรรมชาติจะใช้ผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอเนต) สมุนไพรต่าง ๆ ที่บดเป็นผงและน้ำมันหอมระเหย เช่น อบเชย กานพลู เป็นต้น 

           สารเพิ่มความชุ่มชื้น ใช้เฉพาะในยาสีฟันที่เป็นครีม ในยาสีฟัน สารเพิ่มความหวาน เพื่อให้รสหวานในยาสีฟัน ไม่ได้เป็นสารจำเป็นแต่อย่างใด ในกรณีที่จะใช้ก็จะใช้กลีเซอรีน หรือซอร์บีทอล
    
           สารปรุงแต่งกลิ่นและสี ในยาสีฟันธรรมชาติ จะใช้น้ำมันหอมระเหยและสารสกัดจากพืชสมุนไพร นอกจากช่วยแต่งกลิ่นและรสของยาสีฟันแล้ว ยังเพิ่มสรรพคุณในการป้องกันรักษาโรคในช่องปากด้วย เช่น น้ำมันหอมระเหยสะระแหน่ ผงอบเชย ผงกานพลู เป็นต้น 

           ฟลูออไรด์ (Fluoride) เป็นสารที่ช่วยทำให้เคลือบฟันแข็งแรง ป้องกันฟันผุ ฟลูออไรด์ที่ใช้คือ โซเดียมฟลูออไรด์ หรือโซเดียมโมโนฟลูไรฟอสเฟต ต้องใช้ในปริมาณเจือจางมาก ๆ มีข้อควรระวังในการใช้สำหรับเด็กต่ำกว่า 6 ปี ใช้แล้วต้องบ้วนน้ำมาก ๆ ไม่ควรกลืน สำหรับยาสีฟันธรรมชาติจะไม่ใส่
    



ในส่วนของตัวยาสมุนไพรไทยนั้น มีหลายตัวที่มีสรรพคุณที่ใช้กับเหงือกและฟันได้ดี ได้แก่ 



สมุนไพร


           เกลือ เป็นสารทำความสะอาดเหงือกและฟัน 

           ข่อย แก้อาการปวดฟัน รักษารำมะนาด  (ใช้เปลือกหรือกิ่งข่อย) 

           สะระแหน่ สารให้ความเย็น ทำให้ช่องปากหอมสดชื่น 

           อบเชย มีกลิ่นหอม รสหวาน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ 

           กานพลู รสเผ็ดร้อน ฆ่าเชื้อโรคและเป็นยาชา ใช้ดับกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน และแก้โรครำมะนาด 

           ผักคราดหัวแหวน รสเอียนเบื่อ แก้ปวดฟัน แก้อักเสบรักษาแผลในปาก รำมะนาด 

           แก้ว ใช้ส่วนของใบ มีรสร้อนเผ็ดขมสุขุม แก้อาการปวดฟัน 



สมุนไพร

           สีฟันคนทา ใช้เปลือกหรือกิ่ง ช่วยให้รากฟันแข็งแรงทนทาน 

           เทียนข้าวเปลือก กลิ่นหอม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ 

           เทียนตากบ กลิ่นหอม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ 

           เทียนสัตตบุษย์ รสหวาน กลิ่นหอม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ 

           โป๊ยกั๊ก กลิ่นหอม แต่งกลิ่น 

           กระวานเทศ กลิ่นหอมฉุน แต่งกลิ่น 


การทำยาสีฟันสมุนไพรธรรมชาติใช้เอง

           1. เตรียมส่วนผสม เช่น เกลือ ผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอเนต) แคลเซียมคาร์บอเนต ข่อย กานพลู น้ำมันสะระแหน่

           2. นำส่วนผสมเทใส่ถ้วยคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน

           3. เมื่อคลุกจนเข้ากันดีแล้วเติมกานพลู ข่อย ลงไปแล้ว คลุกให้เข้ากัน

           4. เมื่อคลุกจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว จึงค่อย ๆ หยดน้ำมันสะระแหน่เติมลงไป จากนั้นก็คลุกจนเข้ากัน แล้วก็บรรจุใส่ภาชนะไว้ใช้
    
          การหันมาปรุงยาสีฟันไว้ใช้เอง ประโยชน์คือเรากำหนดสรรพคุณของวัตถุดิบได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เราสามารถหลีกเลี่ยงไม่ใช้สารเคมีปรุงแต่ง และเมื่อเทียบราคากับยาสีฟันในท้องตลาดแล้วราคาถูกกว่ามาก สำคัญที่สุดคือสุขภาพของช่องปากของเราที่เลือกเองได้ตามต้องการ

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ร้อนใน มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบบ่อยเพราะอะไร

 ร้อนใน มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบบ่อยเพราะอะไร

ถ้าใครไม่อยากมีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบบ่อยๆแบบเรา ก็จงทำตามนี้

1.ต้องแปรงฟันอย่างถูกวิธี เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่แปรงฟันผิดวิธี คือ แปรงฟันตามใจฉัน ซึ่งไม่ได้แปรงทุกซอกทุกมุมของฟันนี้คลิปแปรงฟันอย่างถูกต้อง >>> http://m.youtube.com/watch?v=ZT9Fj6e62AY
(ตอนที่เราไปหาหมอฟัน หมอบอกว่าเราแปรงฟันได้ดีมาก ไม่ค่อยมีหินปูน หินปูนคือขี้ํฟัน เราไปวัดค่าตรวจกลิ่นปาก กลิ่นปากที่มาจากหินปูนขึ้นไม่ถึง 1% เลย ดีใจมากๆ คุ้มกับการเสียเวลา เราแปรงฟันนานมาก =_=)
2.ใช้ไหมขัดฟันด้วยคะ เศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน แปรงมันแปรงไม่ถึงเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันมันก็เลยเน่า ส่งผลให้เหงือกอักเสบได้ง่าย รากฟันผุเน่า คนที่มีกลิ่นปากเหม็นเหมือนขี้ เวลาเขาอยู่ในห้องแอร์ ที่อับๆ เวลาเขาพูดเขาไม่รู้ตัวว่าเขามีกลิ่นปาก นั้นแหละ เศษอาหารหมักหมมติดซอกฟันจนเน่า แต่พอเขากินอะไรเข้าไปกลิ่นปากก็จะไม่มี(เราใช้ไหมขัดฟันที่เป็นแบบเส้นด้ายเราจะรู้สึกขี้เกียจ ไม่ค่อยถนัด เลยซื้อแบบด้ามที่เป็นไหมขัดฟัน แบบนี้ใช้สะดวกดีคะ ไม่รู้สึกขี้เกียจ แนะนำให้ใช้แบบนี้ ถ้ารู้สึกไม่ถนัดแล้วขี้เกียจแบบเรา)
3.แปรงลิ้นด้วย แปรงจนถึงโคนลิ้นเลยนะคะ กวาดออกมาให้หมดแต่เราก็กวาดออกมาไม่หมดทุกครั้ง เอาออกยากมาก เรามีเทคนิคตรงนี้ คือ ก้มหน้านิดหน่อยเวลาแปรงลิ้น เราจะได้แปรงโคนลิ้นได้สะดวก พอถึงโคนลิ้นใช้แปรงกดลิ้นแล้วลากจนถึงปลาย เอาน้ำ
กลั่วคอให้อ้วกออกมา บ้วนบ่อยๆจนพอใจ ขากขี้เสลดบ่อยๆจนพอใจ
4.กินน้ำเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ
5.ขับถ่ายให้ได้ทุกวัน


วิธีการรักษาอาการร้อนใน
ไม่อาจจะใช้ด้วยการดื่มน้ำมากๆได้อย่างเดียวเพราะกระเพาะของเรามีขีดจำกัดในการรับน้ำหากรับน้ำไปมากเกิน กรดในกระเพาะก็จะเจือจางท้องจะอืด อาหารกลับไม่ย่อย ไปเน่าเสียที่ลำไส้อีก

1.ปรับเรื่องกากอาหารในลำไส้ หากกากในลำไส้เป็นอาหารประเภทแป้ง ไขมัน แนะนำให้เพิ่มกากใยพวกผักลงไป กากใยเหล่านี้ไม่ได้ถูกย่อยได้ง่ายเหมือนแป้ง และกากใยเหล่านี้ค่อนข้างอุ้มน้ำ ให้ลำไส้ชุ่มฉ่ำ แต่แป้งและไขมัน มีแต่จะรัดตัวเหนียวขึ้นเรื่อยๆทำให้ขับถ่ายยากภายหลังอีกด้วย สิ่งที่อยากจะให้งดเลยก็คือ นม ขนมปัง ลองงดสักหนึ่งสัปดาห์ดู จะช่วยได้มาก

2.กินของฤทธิ์ขม เช่นน้ำต้มมะระ หรืออาจจะซื้อยาขมมากินเลยก็ได้จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย วิธีนี้ช่วยได้ดีมากสำหรับคนใจร้อนเพราะฤทธิ์ขม แตะลิ้นใคร หายโกรธ หายแค้นทันที ไม่เชื่อลองทำดูได้ครับ หากโกรธๆ อยู่ เอาฟ้าทะลายโจรมาอมไว้ใต้ลิ้น รับรอง โกรธไม่ออกเลยครับ เทคนิคนี้ เอาไปใช้กับพ่อบ้านแม่บ้านที่ขี้โกรธ ขี้หงุดหงิด ใส่แฟนนะครับ ;)
 

Template by BloggerCandy.com | Header Image by Freepik